แบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับเครื่องมือแพทย์

พลังงานที่เชื่อถือได้เพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง

ความสำคัญของแบตเตอรี่ในเครื่องมือแพทย์

เครื่องมือแพทย์หลายชนิด เช่น เครื่องเอกซเรย์ (X-ray แบบพกพา), เครื่องช่วยหายใจ (Ventilator), เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ (ECG/EKG), ปั๊มฉีดยา (Infusion Pump) รวมถึงอุปกรณ์ตรวจวัดสัญญาณชีพ ล้วนต้องอาศัย แหล่งพลังงานที่เสถียรและปลอดภัย แบตเตอรี่จึงเป็นหัวใจสำคัญ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ไม่สามารถหยุดทำงานได้แม้เพียงเสี้ยววินาที

ทำไมต้องใช้แบตเตอรี่ลิเธียม?

เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรดหรือชนิดเก่า แบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium-ion, LiFePO₄) มีข้อได้เปรียบชัดเจน:

• น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด: ลดภาระการขนย้ายเครื่องมือแพทย์

• ความจุสูง ใช้งานได้นาน: ทำให้เครื่องมือสามารถทำงานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง

• อัตราการคายประจุต่ำ: แม้ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน แบตก็ยังคงพลังงานได้ดี

• อายุการใช้งานยาวนาน: ใช้งานได้ 5–10 ปี มากกว่าแบตเตอรี่ชนิดเก่า 2–3 เท่า

• ปลอดภัยกว่า: โดยเฉพาะแบตเตอรี่ LiFePO₄ ที่ทนความร้อนสูง ไม่ลุกไหม้ง่าย

ตัวอย่างการใช้งาน

1. เครื่องเอกซเรย์พกพา (Portable X-ray)
   ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแรงดันสูง เพื่อให้สามารถปล่อยพลังงานได้ทันทีเวลาถ่ายภาพผู้ป่วย

2. เครื่องช่วยหายใจ (Ventilator)
   แบตเตอรี่สำรองในเครื่องช่วยหายใจมีความสำคัญมากในกรณีไฟดับหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

3. ปั๊มฉีดยา (Infusion Pump)
   ต้องการแบตเตอรี่ที่มีความเสถียรสูง เพื่อควบคุมปริมาณยาอย่างแม่นยำ

4. อุปกรณ์ตรวจวัดสัญญาณชีพ
   เช่น ECG, Patient Monitor ที่ใช้ในรถพยาบาลหรือหน่วยกู้ชีพ ต้องการแบตที่เบาและทนต่อแรงสั่นสะเทือน

การเลือกแบตเตอรี่ที่เหมาะสม

• เลือก แบตเตอรี่ที่ผ่านมาตรฐานทางการแพทย์ เช่น IEC 60601-1, UN38.3

• พิจารณา ความจุ (Ah) และ แรงดัน (V) ให้ตรงกับเครื่องมือ

• เลือกผู้ผลิตที่มี บริการรับประกันและศูนย์ซ่อม ในประเทศ เพื่อความมั่นใจ

สรุป

แบตเตอรี่ลิเธียมไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องมือแพทย์ แต่ยังเป็น ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้ป่วยโดยตรง ดังนั้นการเลือกแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพและมาตรฐานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม