ปัญหาที่ฝ่ายจัดซื้อควรหลีกเลี่ยงเมื่อเลือกแบตเตอรี่โฟคลิฟท์ไฟฟ้า

ปัญหาที่ฝ่ายจัดซื้อควรหลีกเลี่ยงเมื่อเลือกแบตเตอรี่โฟคลิฟท์ไฟฟ้า

บทนำ

การเลือกแบตเตอรี่สำหรับรถโฟคลิฟท์ไฟฟ้าไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่คือการตัดสินใจที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน การบำรุงรักษา และต้นทุนรวมในระยะยาว บทความนี้จะช่วยชี้ให้เห็นถึง 5 ข้อผิดพลาดที่ฝ่ายจัดซื้อมักพลาด และแนวทางในการหลีกเลี่ยง

1. เลือกแบตเตอรี่จากราคาเป็นหลัก โดยไม่ดูสเปกการใช้งาน

หลายฝ่ายจัดซื้อเลือกแบตที่ราคาถูกที่สุด โดยลืมพิจารณาความเหมาะสมของสเปก เช่น แรงดัน, ความจุ (Ah), และอัตราการจ่ายกระแสสูงสุด ซึ่งอาจทำให้โฟคลิฟท์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเสียหายก่อนกำหนด

2. ไม่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้จำหน่าย

ในตลาดมีแบตเตอรี่ราคาถูกจำนวนมากที่ไม่มีมาตรฐานรับรอง ฝ่ายจัดซื้อควรเลือกบริษัทที่มีผลงานอ้างอิงจริง มีทีมบริการหลังการขาย และมีการรับประกันที่ชัดเจน

3. มองข้ามการคิดต้นทุนรวม (TCO)

บางครั้งแบตเตอรี่ราคาถูกอาจมีต้นทุนรวมที่สูงกว่าหากนับรวมอายุการใช้งานที่สั้น, ค่าซ่อมบำรุง, และเวลาเครื่องจักรหยุดทำงาน ฝ่ายจัดซื้อควรคำนวณต้นทุนตลอดอายุแบต (Total Cost of Ownership)

4. ละเลยข้อกำหนดด้านความปลอดภัย

แบตเตอรี่ลิเทียมคุณภาพต่ำอาจไม่มีวงจรป้องกันไฟลุกไหม้ หรือไม่มีการตัดไฟเมื่อร้อนเกิน ควรเลือกแบตเตอรี่ที่มีการรับรองมาตรฐาน เช่น CE, UL, หรือ UN38.3

5. ไม่ขอใบเสนอราคาหรือรายละเอียดอย่างเป็นทางการ

ฝ่ายจัดซื้อควรขอใบเสนอราคาที่มีรายละเอียดครบถ้วน เช่น ยี่ห้อเซลล์, ขนาด BMS, การรับประกัน และบริการหลังการขาย เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบได้อย่างโปร่งใส

สรุป

การเลือกแบตเตอรี่ลิเทียมสำหรับโฟคลิฟท์ไฟฟ้าไม่ควรรีบตัดสินใจจากราคาอย่างเดียว ฝ่ายจัดซื้อควรใช้ข้อมูลครบถ้วน วิเคราะห์อย่างรอบด้าน และเลือกพันธมิตรที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและลดต้นทุนระยะยาว